รีเทนเนอร์มีทั้งหมดกี่แบบ ข้อดี ข้อเสีย เป็นยังไงบ้าง?
แน่นอนว่าคนที่จัดฟันคงไม่มีใครไม่เคยได้ยินคำว่า “รีเทนเนอร์(Retainer)” เพราะหลังจากจัดฟันเสร็จ ก็จำเป็นต้องใส่เจ้ารีเทนเนอร์ซึ่งเป็นอุปกรณ์คงสภาพฟันไปต่ออีก ว่าแต่ทำไมต้องใส่รีเทนเนอร์อีกในเมื่อจัดฟันเสร็จแล้ว วันนี้เรามาทำความรู้จักรีเทนเนอร์ไปพร้อมๆกันนะคะ ว่ารีเทนเนอร์มีหน้าที่อะไร รีเทนเนอร์มีกี่แบบ รีเทนเนอร์สำคัญยังไงบ้าง
คนมักจะเข้าใจผิดว่าเมื่อจัดฟันเสร็จแล้วฟันจะอยู่ตำแหน่งที่สวยงามไปตลอด โดยที่ลืมไปว่าฟันสามารถเคลื่อนที่ได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อเราใช้ฟันทำหน้าที่ต่างๆเช่นในการบดเคี้ยวอาหารหรือกัดอาหารที่แข็งหรือเหนียวมากๆ ดังนั้นรีเทนเนอร์ (Retainer) จึงมีบทบาทเป็นตัวช่วยคงสภาพฟันไว้เพื่อลดการเกิดปัญหาฟันล้ม ฟันห่าง ลดโอกาสที่เเนวฟันเบี้ยวจากเดิม คงตำแหน่งฟันไว้ให้สวยงามได้
เมื่อรู้แล้วว่ารีเทนเนอร์สำคัญขนาดไหน ก็ถึงคราวที่เราต้องมาเลือกกันต่อว่าจะใส่รีเทนเนอร์แบบไหนดี? ประเภทของรีเทนเนอร์ที่ใช้กันทั่วไปจะมีหลักๆอยู่ 3 แบบ คือ รีเทนเนอร์แบบใส รีเทนเนอร์แบบลวด และยังมีแบบที่ใช้บ้างเป็นบางกรณี คือ รีเทนเนอร์แบบติดแน่น
1.รีเทนเนอร์แบบใส ถอดได้
															ใช้วัสดุที่ทำมาจากพลาสติกใส ลักษณะเป็นแผงใช้ครอบฟัน ไม่มีส่วนของเพดาน มีความหนาประมาณ 0.75-1.5 มิลลิเมตร โดยจะมีขนาดและรูปร่างที่พอดีกับฟันของแต่ละคน หลังถอดเหล็กดัดฟันแล้วควรใส่ไว้ตลอด ยกเว้นขณะกินอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่มร้อน รวมไปถึงขณะแปรงฟัน
ข้อดี
- รู้สึกมั่นใจกว่า เพราะวัสดุทำมาจากพลาสติกใสมองไม่เห็นเครื่องมือ
 - มีความพอดีกับรูปฟัน โอกาสเกิดฟันล้มหรือเคลื่อนจึงน้อยลงมาก
 - ตัวรีเทนเนอร์นั้นบางกว่าแบบลวดมาก จึงใส่สบาย
 - ส่งผลต่อการพูดหรือการออกเสียงน้อยกว่ารีเทนเนอร์แบบลวด
 
ข้อเสีย
- ไม่สามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงได้ หากฟันขยับจากเดิมก็จำเป็นต้องเปลี่ยนรีเทนเนอร์ใหม่
 - หากแตกหักเสียหาย จะไม่สามารถซ่อมได้ต้องเปลี่ยนใหม่
 - มีโอกาสบิดงอผิดรูปได้หากโดนความร้อน
 
2.รีเทนเนอร์แบบลวด ถอดได้
															รีเทนเนอร์แบบลวดเป็นแบบที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน วัสดุเป็นอะคริลิคสีที่บริเวณเพดานปาก และมีส่วนที่ยึดฟันเป็นลวดโลหะล้อมฟันเอาไว้ โดยบริเวณวัสดุอะคริลิคนั้นสามารถเลือกสีสันตามสไตล์ของละคนได้ตามต้องการ ทำให้ช่วยแสดงความเป็นเอกลักษณ์ของผู้ใช้รีเทนเนอร์ได้ดี
ข้อดี
- สามารถถอดออกได้เมื่อต้องการ
 - หาได้ง่าย สะดวก เนื่องจากคลินิกส่วนใหญ่มีรีเทนเนอร์ประเภทนี้อยู่แล้ว
 - คงสภาพการสบฟันได้ดีกว่าแบบใส
 - ทำความสะอาดง่าย
 
ข้อเสีย
- ยิ้มแล้วยังเห็นลวดชัดเจน
 - รีเทนเนอร์แบบลวดไปสักระยะหนึ่งลวดอาจหลวมขึ้นได้
 - เสี่ยงต่อการทำหาย หรือวางแล้วลืมทิ้งไว้
 - ถ้าไม่เก็บรักษาและดูแลให้ดี ก็อาจชำรุดเสียหายได้ง่าย
 - ขณะใส่จะมีน้ำลายออกมามากกว่าปกติ
 - อาจกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อและเติบโตของแบคทีเรียได้
 
3.รีเทนเนอร์แบบติดแน่น
															รีเทนเนอร์แบบติดแน่น เป็นวัสดุที่ทำจากลวดแข็งหรือลวดพันเป็นเกลียวถูกทำให้โค้งงอพอดี โดยลวดดังกล่าวจะถูกติดไว้ที่ด้านในของฟันเพื่อยึดไม่ให้ฟันขยับเคลื่อนที่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นฟันล่าง รีเทนเนอร์แบบติดแน่นจะไม่สามารถถอดออกได้ ยกเว้นทันตแพทย์จะเป็นคนถอดให้เท่านั้น
ข้อดี
- ม่ต้องกลัวว่าจะลืมหรือทำหาย
 - คนอื่นจะมองไม่เห็น เนื่องจากติดไว้ที่ด้านหลังฟัน
 - ส่งผลต่อการพูดและการออกเสียงน้อยมาก
 - โอกาสพังน้อยมาก
 
ข้อเสีย
- ทำความสะอาดฟันได้ยากกว่าเดิม
 - อาจเกิดการสะสมคราบแบคทีเรียและหินปูน ที่ทำให้เกิดโรคเหงือกได้
 - อุปกรณ์ติดแน่นกับฟัน ทำให้หลายคนใส่แล้วไม่ชอบ
 - ลวดโลหะอาจทำให้รู้สึกระคายเคืองลิ้นได้
 
การทำความสะอาดรีเทนเนอร์
การทำความสะอาดรีเทนเนอร์เป็นสิ่งที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่ง ควรทำความสะอาดทันทีหลังถอดออก ด้วยแปรงสีฟันขนนุ่มกับน้ำสบู่ แนะนำให้ใช้น้ำอุ่นล้างในปริมาณเล็กน้อย ไม่เเนะนำให้ใช้ยาสีฟันทำความสะอาดเพราะในยาสีฟันจะมีสารขัดเคลือบฟัน ซึ่งอาจทำให้ผิวของรีเทนเนอร์เป็นรอยได้ ในจุดที่ยากต่อการทำความสะอาด สามารถใช้ก้านสำลีขนาดเล็กเช็ดบริเวณร่องในรีเทนเนอร์ได้ ไม่แช่รีเทนเนอร์ในน้ำร้อนหรือใช้น้ำยาบ้วนปาก น้ำยาทำความสะอาดฟันปลอมมาทำความสะอาดเพราะจะทำให้รีเทนเนอร์เสียหายได้
หวังว่าเพื่อนๆ คงจะรู้ถึงข้อดีข้อเสียและประเภทของรีเทนเนอร์แล้วไม่มากก็น้อย แต่ก็อย่าลืมว่าการใส่รีเทนเนอร์อย่างสม่ำเสมอก็สำคัญมากเช่นกัน จำเป็นต้องใส่ตลอดเวลา ยกเว้นตอนรับประทานอาหารและตอนแปรงฟันเท่านั้น หากหลงลืม ไม่มีวินัยในการใส่อาจจะทำให้ฟันล้ม ฟันเก ฟันห่างได้ ทำให้เสียเงิน เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ได้นะคะ